ที่มา การประชุมวิชาการ 
เรื่อง โครงการพัฒนาศักยภาพด้านภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาอาจารย์ในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก ให้มีความพร้อมด้านการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ ปีงบประมาณ 2559
ผู้จัด สถาบันพระบรมราชชนก
สถานที่ ณ : สถาบันสอนภาษา Knowledge Plus   
วันที่  11 มกราคม – 26 กุมภาพันธ์ 2559   

ผู้สรุปประเด็นความรู้ นายปุรินทร์ ศรีศศลักษณ์

การ พัฒนาศักยภาพด้านภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาอาจารย์ในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก ให้มีความพร้อมด้านการจัดการศึกษาที่มีคุณภาพ ปีงบประมาณ 2559

    ในการเรียนการสอนตลอด 7 สัปดาห์ จะมีเนื้อหาการเรียนที่เข้มข้น โดยเนื้อหาจะประกอบไปด้วย Grammar, Structure, Listening, Speaking, Writing, และ Reading ซึ่งพอจะสรุปแนวทางในการพัฒนาภาษาอังกฤษสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะทางด้านภาษาได้ดังนี้
1. การเรียนภาษาอังกฤษนั้นควรเริ่มต้นที่ listening skill เนื่องจาก Listening skill เป็น skill พื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการเริ่มต้นฝึกภาษา เพราะโดยปกติคนเรามักที่จะฟังได้ก่อน แล้วจึงสามารถพูด อ่าน เขียน ได้ตามมา เนื่องมาจากการฟังจะทำให้เราเกิดความคุ้นเคยกับภาษา คุ้นกับสำเนียง การวรรคคำ การออกเสียง ทำให้ต่อมาเราจะสามารถเลียนแบบเสียงเหล่านั้นได้ ก็คือสามารถพูดได้ตามมา แล้วจึงสามารถอ่าน และเขียนได้ต่อๆไป ดังนั้นเมื่อเริ่มฝึกภาษาควรให้ความสำคัญกับ listening skill
2. ให้ภาษาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เช่น การฟังเพลงภาษาอังกฤษแทนการฟังเพลงไทย ดูข่าวภาษาอังกฤษแทนการดูข่าวภาษาไทยอย่างเดียว อ่านหนังสือพิมพ์หรือนิตยาสารภาษาต่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เราได้ซึมซับภาษาไปทีละน้อย จนกระทั่งคุ้นชินและเข้าใจความหมายในสิ่งที่สื่อเหล่านั้นต้องการสื่อ
3. หาเพื่อนเรียนด้วยกันโดยการเรียนภาษานั้นหลายๆคนเมื่อเรียนไปก็จะรู้สึกท้อ ไม่เก่งสักที ไม่มีคนได้ฝึกด้วยกัน เพราะฉะนั้นการหาเพื่อนเรียนภาษานั้นจะช่วยได้มาก เพราะถ้ามีเพื่อนเรียนด้วยกันก็จะสามารถฝึกภาษาโดยพูดกับเพื่อน หรือแม้แต่ให้กำลังใจในการเรียนกัน ทำให้การเรียนภาษานั้นสนุก ไม่น่าเบื่อ
4. คิดเป็นภาษาอังกฤษบนพื้นฐานของการเชื่อมโยงความเหมือน และความต่างของภาษาไทย จะทำให้เราสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น และจดจำศัพท์รวมทั้งรูปประโยคเป็นรูปภาพทดแทนคำภาษาอังกฤษ
5. พยายามทำความเข้าใจแกรมมาของภาษาอังกฤษให้ได้มากที่สุด เนื่องจากแกรมมานั้นเป็นพื้นฐานที่สำคัญของทักษะต่างๆทั้ง 4 ทักษะ (ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน) และเมื่อมีพื้นฐานแกรมมาที่ดี จะสามารถทำคะแนนในการสอบเพื่อศึกษาต่อได้ดีมากว่าคนที่แกรมมาไม่ดีอย่างเห็นได้ชัดเจน
6. การวางเป้าหมายและมีวินัยในการเรียน การวางเป้าหมายเป็นสิ่งที่สำคัญเนื่องจากจะเป็นแรงผลักดันให้เราได้ทำตามแผนที่วางไว้ เช่น สอบ IELTS ให้ได้ 5.5 ภายในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งการวางเป้าหมายที่ชัดเจนนี้จะส่งผลถึงการให้เรามีมานะ และวินัยในการเรียน ไม่ขาดตอนเพราะการเรียนภาษาไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น และเมื่อไม่มีความต่อเนื่องก็จะหลงลืม ดังนั้น การมีวินัยจึงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาทักษะทางด้านนี้
7. Practice makes perfect คือต้องฝึกฝนเยอะๆ ทั้งโจทย์ที่ใช้สอบ หรือหาโอกาสที่จะได้ใช้ภาษาเพราะยิ่งฝึกมากเท่าไหร่ ทักษะทางภาษาก็จะมีการพัฒนามากขึ้นเท่านั้น
8. วิเคราะห์ความก้าวหน้าในการเรียนเป็นระยะ โดยสมัครสอบหรือทดลองทำข้อสอบเสมือนจริงเพื่อประเมินตนเองว่ายังต้องพัฒนาในทักษะด้านไหนเพิ่มเติม ซึ่งในการทดสอบนี้ถ้าผลออกมาดีขึ้นก็จะยิ่งเป็นการเสริมแรงทางบวก (กำลังใจ) ในการเรียนภาษามากยิ่งขึ้น
9. สุดท้ายสำหรับข้อคิดในการเรียนก็คือ การเรียนภาษาต้องกระทำในสถานการณ์ที่ผู้เรียนมีความผ่อนคลาย ไม่เครียด เพราะการเรียนภาษาเมื่อมีความเครียด หรือวิตกกังวล จะไม่สามารถพัฒนาภาษาได้เลย หรือถ้ามีก็เกิดขึ้นได้ก็น้อยมาก และไม่สามารถจดจำได้
ดังนั้นการเรียนภาษาจึงควรเริ่มเรียนไปทีละน้อย ไม่ควรรีบเร่งจนเกินไป และที่สำคัญจะต้องมีวินัยในการเรียนอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ผู้เรียนเรียนได้อย่างดีและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่มุ่งหวังไว้